ศาลพิพากษาจำคุก การุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย 12 เดือน จากกรณีทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กลางสภาฯ เมื่อปี 2551 โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
ศาลอาญา รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท ที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้องนายการุณ หรือ เก่ง โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 51 ระบุความผิดสรุปว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 51 จำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ด้วยการใช้เท้าถีบท้องน้อยโจทก์อย่างแรง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ที่รัฐสภา ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.54 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทางสถานีวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม ความถี่ 90.5 เมกกะเฮิร์ต และรายการสยามเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา ทำนองว่า “จำเลยไม่ควรค่าไปแลกด้วยกับไอ้สมเกียรติ ไอ้นี่มันนักปลุกระดมฆ่า แต่จำเลยเป็นเพชรที่ต้องเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนโจทก์มาจากพวกจ้องล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร และข้อความอื่นซึ่งล้วนเป็นความเท็จ” โจทก์ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ขณะนั้น) และเป็นอาจารย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนในสังคมต้องเสื่อมเสีย ชื่อเสียง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่าติชมโจทก์ด้วยความบริสุทธิ์ใจต้องการให้รู้สำนึกหน้าที่ความเป็น ส.ส. คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้ พิจารณาเป็นคดีดำ อ.1462/2551 และสืบพยานโจทก์ - จำเลยเรื่อยมาจนแล้วเสร็จ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยสมควรกล่าวถ้อยคำต่าง ๆ ตามความรู้สึกที่ดีของบุคคลทั่วไป มิใช่แกล้งเสียดสี ยั่วยุ่ มุ่งหมายให้เกิดความโกรธ เข้าใจ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งมิได้ติชมด้วยความบริสุทธิ์ใจดังที่จำเลยต่อสู้ที่ไม่มีน้ำหนักหักล้าง พยานหลักฐานโจทก์ได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมรวม 2 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงอาชีพและสภาพความผิดแล้ว มีเหตุอันควรปรานี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อใน นสพ.เดลินิวส์ ไทยรัฐ และมติชน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
ทีมข่าวอาชญากรรม
รายงาน
โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 51 ระบุความผิดสรุปว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 51 จำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ด้วยการใช้เท้าถีบท้องน้อยโจทก์อย่างแรง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ที่รัฐสภา ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.54 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทางสถานีวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม ความถี่ 90.5 เมกกะเฮิร์ต และรายการสยามเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา ทำนองว่า “จำเลยไม่ควรค่าไปแลกด้วยกับไอ้สมเกียรติ ไอ้นี่มันนักปลุกระดมฆ่า แต่จำเลยเป็นเพชรที่ต้องเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนโจทก์มาจากพวกจ้องล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร และข้อความอื่นซึ่งล้วนเป็นความเท็จ” โจทก์ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ขณะนั้น) และเป็นอาจารย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนในสังคมต้องเสื่อมเสีย ชื่อเสียง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่าติชมโจทก์ด้วยความบริสุทธิ์ใจต้องการให้รู้สำนึกหน้าที่ความเป็น ส.ส. คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้ พิจารณาเป็นคดีดำ อ.1462/2551 และสืบพยานโจทก์ - จำเลยเรื่อยมาจนแล้วเสร็จ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยสมควรกล่าวถ้อยคำต่าง ๆ ตามความรู้สึกที่ดีของบุคคลทั่วไป มิใช่แกล้งเสียดสี ยั่วยุ่ มุ่งหมายให้เกิดความโกรธ เข้าใจ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งมิได้ติชมด้วยความบริสุทธิ์ใจดังที่จำเลยต่อสู้ที่ไม่มีน้ำหนักหักล้าง พยานหลักฐานโจทก์ได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมรวม 2 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงอาชีพและสภาพความผิดแล้ว มีเหตุอันควรปรานี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อใน นสพ.เดลินิวส์ ไทยรัฐ และมติชน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
ทีมข่าวอาชญากรรม
รายงาน
ข้อมูลจาก :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น