วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

."อี้ แทนคุณ"เผยอิทธิพลมืดสั่งฆ่าหัวคะแนน‏

."อี้ แทนคุณ"เผยอิทธิพลมืดสั่งฆ่าหัวคะแนน‏
อี้ แทนคุณ เข้าให้ปากคำคดีฆ่าหัวคะแนนเพิ่มเติม ชี้กลุ่มอิทธิพลมืดเบื้องหลังสังหาร วอนฝ่ายการเมืองอย่าจุ้นรูปคดี
     ที่สน.ดอนเมือง เมื่อเวลา 13.00 น. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รอง ผบก.น.2 และพ.ต.ท.วุฒิชัย สุคนธวิท รอง ผกก.สส. สน.ดอนเมือง เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีคนร้ายบุกยิง นายชุติเดช สุวรรณเกิด อายุ 38 ปี เสียชีวิตที่ลานจอดรถตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง เมื่อเย็นวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา

     นายแทนคุณ กล่าวว่า เดินทางมาให้ข้อมูลกับทางตำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้บงการฆ่านายชุติเดช รวมถึงปมสังหารด้วย เพราะขณะนี้ตนมีข้อมูลและหลักฐานรวมทั้งพยานต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยตนเชื่อว่าปมสังหารมาจากเรื่องผลประโยชน์ของพวกอิทธิพลมืดที่ทำธุรกิจใต้ ดิน ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมือง เช่น บ่อนวิ่ง ตู้ม้า หวยเถื่อน หรือพวกยี่กีต่างๆ ที่นายชุติเดชเข้าไปรู้เรื่องพวกนี้ก่อนที่จะมาอยู่กับตน ซึ่งปมขัดแย้งเรื่องนี้เกิดก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายชุติเดชได้มาอยู่กับตนแล้วได้เล่าให้ตนฟังตลอดว่าเป็นอย่างไร กระทั่งมาถูกยิงเสียชีวิต

     นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการตั้งประเด็นในเรื่องอื่นๆ ทั้งเรื่องของ เสธ.บอย นายทหารอากาศคนหนึ่งที่มีเรื่องมีราวกับนายชุติเดช ก็มีการทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้นและจบไปกว่า 1 ปีแล้ว ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้น้ำหนักไปที่เรื่องส่วนตัวนั้น ผมเองก็ไม่ตัดประเด็นนี้ทิ้ง แต่เท่าที่ได้ข้อมูลมายืนยันได้ว่าเป็นเรื่องธุรกิจมืดใต้ดินมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้เราก็เคยดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนมีการจับกุมได้และมีการกวาดล้างไปแล้วในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะทำให้พวกนี้ไม่พอใจ ตรงนี้นายชุติเดชก็ไปรับรู้เรื่องในธุรกิจมืดและเหมือนถูกบีบบังคับให้ทำ อะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่อยากทำ จึงย้ายมาอยู่กับตน ซึ่งตนขอเรียกว่าเป็นการกลับตัวกลับใจมากกว่า ซึ่งข้อมูลตรงนี้ภรรยาของนายชุติเดชก็รู้ดี

     นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า สำหรับบ่อนที่พูดถึงนั้นอยู่ที่ ถ.ช่างอากาศอุทิศ ชื่อ “แมนซิตี้” ตรงข้ามกับปั้มน้ำมัน ป.ต.ท. ในพื้นที่ดอนเมือง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นข้อมูลที่นายชุติเดช ภรรยาของนายชุติเดช และคนในพื้นที่ให้ข้อมูลที่ตรงกันมา ข้อมูลตรงนี้เราก็จะนำมาให้ตำรวจตรวจสอบด้วย นอกจากนี้ก่อนที่นายชุติเดชจะถูกยิง ก็เคยเตือนตนเรื่องอิทธิพลมืดว่าให้ระวังตัวไว้ และพูดว่าหากตนไม่ได้เป็น ส.ส. นายชุติเดชก็คงต้องตายแน่นอน ตอนแรกตนไม่เชื่อแต่ พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่นายชุติเดชพูดมาเป็นเรื่องจริง ทั้งหมด และเรื่องนี้ตนถือว่าเป็นการถูกฆาตกรรมที่อำมหิตอย่างมาก

     นายแทนคุณ กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองรู้สึกห่วงเรื่องรูปของคดี เพราะร.ต.อ.เฉลิมพูดดักทางไว้ทำนองเชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ผมเชื่อมั่นในตัวตำรวจและผบ.ตร. โดยเฉพาะ พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น.2 ที่ตนได้พูดคุยกันตลอด ท่านก็ยืนยันด้วยเกียรติว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ทรยศต่อวิชาชีพของตัวเองอย่างแน่นอน จึงทำให้เกิดความเชื่อมันในการทำงานของตำรวจ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องคู่แข่งทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่อยากจะดึงให้มาเป็นเรื่องการเมืองเพื่อโจมตีคู่แข่ง แต่มันเหมือนเป็นการเช็คบิลของพวกแปรพรรคหรือเปลี่ยนขั้ว และไปรู้อะไรบางอย่างมามากกว่า ตรงนี้จึงอยากพิสูจน์ว่าใครเป็นคนทำและทำเพื่ออะไร ทั้งนี้ตนรู้ว่า คนที่มีอักษรย่อ ว.ซึ่งเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ดอนเมืองเป็นคนบงการฆ่านายชุติเดช และหลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้วและไปอยู่กับคนที่ใหญ่กว่าตัวเองด้วย ตรงนี้มีข้อมูลยืนยันได้

     “ตอนนี้คงต้องพึ่งพาอำนาจรัฐและกฎหมายในการคลี่คลายคดี ส่วนบ่อนยังไม่อยากพาดพิงหรือป้ายสีใคร เราอยากเชิญนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาช่วยกันพิสูจน์คดีนี้ โดยเฉพาะผู้มีอักษรย่อ ว. ที่เกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันในพื้นที่ นายการุณน่าจะช่วยหาตัวได้ไม่ยาก เพราะเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ สำหรับพยานตนมี 3-4 คน ซึ่งมีเบอร์โทรศัพท์และมีชื่อเสียงพร้อมให้ข้อมูลทุกอย่าง บางคนเป็นอาสากู้ภัยในพื้นที่ และเป็นคนที่มีงานมีการทำ ตรวจสอบได้ทั้งหมด และพวกนี้รู้ว่าใครทำอะไรกันบ้าง แต่ไม่พร้อมที่จะเปิดตัว โดยหนึ่งในนี้ก็เป็นคนที่มีรายชื่อถูกสั่งเก็บด้วย จึงไม่สามารถเปิดเผยให้สื่อมวลชนทราบได้ แต่จะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างให้กับตำรวจ”นายแทนคุณ กล่าว

     นายแทนคุณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนดังกล่าวด้วย ซึ่งตนเองก็เสี่ยงที่จะถูกเก็บเพราะออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงหากจับคนร้ายได้ จึงขอทำทุกอย่างให้กระจ่างและเกิดความโปร่งใสขึ้นมา และขณะนี้ได้มีการประสานไปยัง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนะสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ช่วยพิสูจน์ศพของนายชุติเดชแล้ว แต่ขณะนี้ผลตรวจของทางนิติเวชยังไม่ออกมา ก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมถึงล่าช้า แต่ก็ได้รับคำอ้างว่าติดวันหยุดยาว ทั้งนี้ที่ขอให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ร่วมตรวจสอบศพผู้ตาย เพราะสงสัยการถูกยิง เนื่องจากตนดูศพแล้วไม่มีแผลทะลุท้ายทอย แต่เห็นถูกยิงที่ปาก 3 นัด คือริมผีปากบน 1 นัด ล่าง 1 นัด และมุมปากอีก 1 นัด ซึ่งไม่ตรงกับที่ตำรวจออกมาให้ข้อมูลกับนักข่าว ตรงนี้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ก็รับปากเข้ามาช่วยคลี่คลายคดีแล้ว

     นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า สำหรับที่ตนเป็น 1 ใน 5 คนที่ถูกขึ้นบัญชีดำสั่งตายนั้น ถ้าเขาจะเก็บจริงก็สามารถเก็บตนได้ทุกที่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาตนก็พยายามแนะนำทุกคนเวลาเข้าพื้นที่ให้ใช้ความระมัดระวังเป็น พิเศษ เพราะมีสัญญาณเตือนที่อุกอาจว่าเขาทำแน่ ทำแล้วและก็ทำจริงด้วย โดย 4 คนที่อยู่ในบัญชีนั้น มี 2 คนอยู่ในพื้นที่ อีก 2 คนรวมทั้งตนนั้นอยู่นอกพื้นที่ จะเข้าๆ ออกๆ เป็นระยะ เรื่องนี้มันเป็นคดีอาญาเกี่ยวกับการเมือง แต่ก็ไม่อยากให้การเมืองมาเกี่ยวข้องกับการทำคดีนี้ ขอยืนยันว่า นายชุติเดชเคยเตือนก่อนหน้านี้ว่ามีซุ้มมือปืนที่จังหวัดเพชรบุรีขยับแล้ว ตนก็ไม่เชื่อจนเกิดเรื่องขึ้น และก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนวนเวียนอยู่ที่หน้าที่ทำการพรรคของตน ก็ได้แจ้งตำรวจจับกุมไปสอบสวนแล้ว เบื้องต้นมีการปล่อยตัวไป เพราะยังไม่ได้กระทำความผิด ตอนนี้ห่วงเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะมีคนให้ข่าวชี้นำไปแล้วว่าเป็นเรื่องส่วน ตัว ทั้งที่ผลสรุปยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันผลชันสูตรก็ยังไม่ออกมา แต่กลับระบุว่าเป็นการยิงแบบสะเปะสะปะ ตรงนี้มันไม่ใช่แต่มันเป็นการตั้งใจยิงที่ปากและต่อหน้าคนเยอะๆ

     นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้อยากให้ เสธ.บอย รีบออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะตนเชื่อว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากปัญหาได้เคลียร์กับจบไปนานแล้ว และตอนที่นายชุติเดชลงสมัครสก. เสธ.บอยก็เคยโทรศัพท์มาเสนอให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินทองด้วย ส่วนเรื่องรถบรรทุกยิ่งไม่เกี่ยวข้องไปใหญ่ เพราะรถบรรทุกเป็นรถที่ตนเป็นคนเคลียร์เรื่องค่าเช่าเอง แต่นายชุติเดชเป็นแค่คนดูแลรถบรรทุกเท่านั้น แต่ที่เกี่ยวข้องคือนายชุติเดชไปขัดแย้งกับพวกที่มีอิทธิพลมืดก่อนการเลือก ตั้ง และไปทำให้พวกนี้เสียผลประโยชน์กว่า 10 ล้านบาทด้วย โดยโครงสร้างของอิทธิพลมืดพวกนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1.ดูแลเรื่องเงินที่ได้จากธุรกิจมืด 2.การบริหารจัดการเงินที่ได้มาว่าจะให้ใครบ้างและเอาไปทำอะไรบ้าง และ 3.การบริหารจัดการคนจำพวกนักเลง อันธพาลต่างๆ ซึ่งนายชุติเดชเคยอยู่ในกลุ่มที่3 ได้ไปคุมวินรถจยย. หรือคุมคนนั่นเอง ซึ่งพวกนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของพวกที่มีอำนาจทำกัน และตอนหลังนายชุติเดชก็ถูกบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่เกินขอบเขต เลยมาขออยู่กับตนและขอทำงานด้วย ยืนยันว่านายชุติเดชทำงานดี และไม่ใช่ไส้ศึกอย่างที่ถูกกล่าวหา อยากเรียกร้องให้นายการุณมาขอขมาศพนายชุติเดชที่ไปเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของ ความเป็นลูกผู้ชายของนายชุติเดช และเหมือนเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนายการุณเองด้วย เพราะที่ผ่านมานายชุติเดชไม่เคยกล่าวให้ร้ายกับนายการุณแม้แต่ครั้งเดียว จึงควรมีสำนึกของความเป็น ส.ส. ออกมาขอขมาและแสดงความรับผิดชอบ พร้อมร่วมกันคลี่คลายคดีนี้ด้วย

     นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่มีอักษรย่อ ว. นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการเมือง และมีลูกน้องชื่ออักษรย่อ ม. อีกคนด้วย โดยผู้ที่มีอักษรย่อ ม.เป็นคนรับงานจาก ว. ไปหามือปืนซุ้มจังหวัดสุโขทัยมายิงนายชุติเดช ซึ่งทั้งอักษรย่อ ว.และม. ตนจะบอกตำรวจว่าเป็นใคร แต่ก็ยังห่วงเรื่องการสืบสวนเพราะยังมีคนที่เหนือกว่า ว.มีอิทธิพลทางการเมืองเป็นผู้บงการอีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ยังเกิดความสงสัยในวันเกิดเหตุด้วยว่า ขณะที่ภรรยาผู้ตายยังเศร้าโศกเสียใจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับรีบร้อนให้เข้ามาให้ปากคำ ทั้งที่เลือดยังเปรอะเปื้อนตัวอยู่ และเมื่อมาถึงโรงพักก็กลับพบนักการเมืองคนหนึ่งนั่งรออยู่แล้ว และนักการเมืองคนนั้นก็ออกมาพูดว่าภรรยาผู้ตายไปโอบกอดร้องไห้ ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง เพียงแค่สบตากันเท่านั้น ตรงนี้จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผิดสังเกต และที่กลัวที่สุดคือกลัวมีการจับแพะบ้าง จับไอ้ปื๊ดบ้าง ซึ่งหนทางที่ตนจะรอดชีวิตจากเรื่องนี้ได้ก็คือต้องจับคนร้ายให้ได้อย่าง เดียวเท่านั้น

     ด้าน พ.ต.อ.สุรเดช กล่าวว่า จะให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายแทนคุณเพิ่มเติมไว้ และสืบหาพร้อมตรวจสอบข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่นายแทนคุณนำมามอบให้ หากข้อมูลไหนมีประโยชน์ต่อรูปคดีก็จะใช้ในการติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

ศาลนัดไต่สวนประกันตัวอริสมันต์พรุ่งนี้

ศาลนัดไต่สวนประกันตัวอริสมันต์พรุ่งนี้
ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวอริสมันต์ แกนนำ นปช.หลังทนายยื่นขอประกันตัวครั้งที่ 2 ระบุเหตุหลบหนีเพราะจำเลยถูกคุกคาม
     ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายวาสุเทพ ศรีโสดา ทนายความนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้าย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวนายอริสมันต์ ครั้งที่ 2 รวม 3 คดี ประกอบด้วย คดีก่อการร้าย น.ส.ศันสนีย์ นวลสนิท เป็นนายประกันวางเงินสดจำนวน 4 ล้านบาท คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หมายเลขคดีดำที่ อ.4177/2552 และคดีหมิ่นประมาท พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) หมายเลขคดีดำที่ 1463/2553 นางระพิพรรณ พงษ์เรืองรอง อายุ 38 ปี ภรรยานายอริสมันต์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ตีราคา 1,350,600 บาท ขอประกันตัว

     นายวาสุเทพกล่าวว่า ในคำร้องได้อธิบายให้ศาลทราบถึงเหตุผลที่นายอริสมันต์ ต้องหลบหนี เนื่องจากถูกคุกคาม ทำให้ไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต โดยเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2553 มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาดักรอที่สนามเชียงราย ก่อนมีกลุ่มคนเสื้อแดงช่วยกันจับกุมตัวไว้นำส่งสถานีตำรวจลงบันทึกประจำวัน เหตุการณ์ที่ 2 โดยเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2553 มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถสะกดรอยตามขณะออกจากบ้านไปจนถึงทางด่วนจึงสามารถจับ กุมผู้ติดตามไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ห้วยขวาง และกองปราบปรามได้ และสุดท้ายมีการบุกจับกุมตัวนายอริสมันต์ ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค โดยการใช้ความรุนแรง ทั้งพังประตูและระเบิดควัน โดยคาดว่าศาลจะมีคำสั่งในช่วงเย็นวันนี้

     ต่อมา เมื่อเวลา 15.50 น. ศาลพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. จำเลย คดีร่วมกันก่อการร้าย แล้ว เห็นควรให้มีการไต่สวนคำร้องและพยาน ในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. เพื่อมีคำสั่งต่อไป โดยศาลมีคำสั่งให้เบิกตัวนายอริสมันต์ จำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ฯ เพื่อร่วมพิจารณาด้วย ภายหลังจากที่นายวาสุเทพ ศรีโสดา ทนายความของนายอริสมันต์ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 ล้านบาท โดยระบุเหตุผลประกอบที่นายอริสมันต์ ต้องหลบหนี ว่าเนื่องจากถูกคุกคาม ทำให้ไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต โดยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.53 มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาดักรอที่สนามบินเชียงราย ก่อนมีกลุ่มคนเสื้อแดงช่วยกันจับกุมตัวไว้นำส่งสถานีตำรวจลงบันทึกประจำวัน เหตุการณ์ที่ 2 โดยเมื่อวันที่ 13 ม.ค.53 มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถสะกดรอยตามขณะออกจากบ้านไปจนถึงทางด่วนจึงสามารถจับ กุมผู้ติดตามไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ห้วยขวาง และกองปราบปรามได้ และสุดท้ายมีการบุกจับกุมตัวนายอริสมันต์ ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค โดยการใช้ความรุนแรง ทั้งพังประตูและระเบิดควัน


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

คุก 12 เดือน"เก่ง การุณ"ถีบ"สมเกียรติ" กลางสภาฯ

คุก 12 เดือน"เก่ง การุณ"ถีบ"สมเกียรติ" กลางสภาฯ
ศาลพิพากษาจำคุก การุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย 12 เดือน จากกรณีทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กลางสภาฯ เมื่อปี 2551 โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
     ศาลอาญา รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท ที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้องนายการุณ หรือ เก่ง โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

     โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 51 ระบุความผิดสรุปว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 51 จำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ด้วยการใช้เท้าถีบท้องน้อยโจทก์อย่างแรง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ที่รัฐสภา ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.54 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทางสถานีวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม ความถี่ 90.5 เมกกะเฮิร์ต และรายการสยามเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา ทำนองว่า “จำเลยไม่ควรค่าไปแลกด้วยกับไอ้สมเกียรติ ไอ้นี่มันนักปลุกระดมฆ่า แต่จำเลยเป็นเพชรที่ต้องเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนโจทก์มาจากพวกจ้องล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร และข้อความอื่นซึ่งล้วนเป็นความเท็จ” โจทก์ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ขณะนั้น) และเป็นอาจารย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนในสังคมต้องเสื่อมเสีย ชื่อเสียง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย

     จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่าติชมโจทก์ด้วยความบริสุทธิ์ใจต้องการให้รู้สำนึกหน้าที่ความเป็น ส.ส. คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้ พิจารณาเป็นคดีดำ อ.1462/2551 และสืบพยานโจทก์ - จำเลยเรื่อยมาจนแล้วเสร็จ

     ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยสมควรกล่าวถ้อยคำต่าง ๆ ตามความรู้สึกที่ดีของบุคคลทั่วไป มิใช่แกล้งเสียดสี ยั่วยุ่ มุ่งหมายให้เกิดความโกรธ เข้าใจ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งมิได้ติชมด้วยความบริสุทธิ์ใจดังที่จำเลยต่อสู้ที่ไม่มีน้ำหนักหักล้าง พยานหลักฐานโจทก์ได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมรวม 2 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงอาชีพและสภาพความผิดแล้ว มีเหตุอันควรปรานี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อใน นสพ.เดลินิวส์ ไทยรัฐ และมติชน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

จำคุก 38 ปี มือยิงอาร์พีจีใส่วัดพระแก้ว

จำคุก 38 ปี มือยิงอาร์พีจีใส่วัดพระแก้ว
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 38 ปี มือยิงอาร์พีจีใส่วัดพระแก้ว พลาดติดสายไฟกระทรวงกลาโหม พร้อมริบของกลาง


     เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2317/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 44 ปี อดีตตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำผิดฐานก่อการร้าย กระทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ร่วมกันมีปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

     โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค.53 จำเลยกับพวกอีก 1 คน ร่วมกันใช้เครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 2 เล็งและยิงลูกระเบิดไปยังอาคารกระทรวงกลาโหม เขตพระนคร ทำให้นายศักดิ์ หาญสงคราม ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้สายเคเบิลโทรศัพท์ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหายเป็นเงินจำนวน 39,421 บาท จำเลยกับพวกมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ บังคับ รัฐบาลไทยให้ยุบสภา ทั้งยังสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือการก่อการร้ายของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยมีเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 2 จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดแบบสังหาร เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก ปืนกลมือ (เอ็ม3) ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืน .45 จำนวน 48 นัดเหตุเกิดที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงพระนคร เขตพระนคร แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เกี่ยวพันกัน

     ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยาน 2 ปาก เบิกความยืนยันว่าพบจำเลยก่อนเกิดเหตุระเบิด เมื่อจำเลยเข้ามาสอบถามพูดคุยด้วย แม้ว่าในเวลานั้นเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่มีแสงสว่างเพียงพอที่พยานจะสามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้ นอกจากนี้ยังมีพยานที่จดจำใบหน้าจำเลย หลังก่อเหตุเมื่อจำเลยรีบร้อนลงจากรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีพิรุธที่รถบุบ กระจกแตก และขับขี่น่าหวาดเสียว อีกทั้งผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าลายนิ้วมือแฝงที่พบบนประตูรถกระบะดังกล่าว ตรงกับลายมือนิ้วข้างขวาของจำเลย รวมทั้งเสื้อแจ็กเก็ตที่ตรวจยึดได้ภายในรถนั้นมีรูปแบบสารพันธุกรรมของจำเลย ติดอยู่ เชื่อว่าพยานทุกปากเบิกความไปตามจริง มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันเกิดเหตุ เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถกระบะดังกล่าว ย่อมเป็นผู้ใช้เอกสารป้ายทะเบียนรถปลอมด้วย

     จากการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด พบรถกระบะของจำเลยขับผ่านเข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นมีภาพแสงเปลวเพลิงระเบิด ที่ถนนแพร่งภูธร เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรถจำเลย ประกอบกับรถกระบะของจำเลยที่จอดทิ้งไว้ในลักษณะมีกุญแจรถเสียบคาไว้ ตรวจพบเครื่องยิงระเบิด อาร์พีจี 2 กระจกด้านซ้ายแตก กระจกที่บริเวณที่นั่งตอนหลังแตก มีคราบเขม่าภายในรถแสดงถึงการยิงจากในรถ เชื่อว่าจำเลยร่วมกับพวกยิงระเบิดดังกล่าว มีเป้าหมายที่กระทรวงกลาโหม แต่ลูกระเบิดไปติดที่สายเคเบิลจึงเกิดระเบิดก่อนถึงเป้าหมาย ขณะเกิดเหตุอยู่ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีการก่อวินาศกรรมหลายแห่ง รัฐบาลขณะนั้นจึงประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการออกข้อกำหนด ให้ประชาชนปฏิบัติตาม แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปลอดภัย วันเกิดเหตุกลุ่ม นปช.ชุมนุม ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่จำเลยกลับไม่ใยดี ก่อเหตุดังกล่าวการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ สร้างความปั่นป่วน จึงมีความผิดฐานก่อการร้าย

     พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 วรรคหนึ่ง ,221,222,258 วรรคแรก ประกอบ มาตรา 265,295 ประกอบมาตรา 80,358,371,376,83 พ.ร.บ.ปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8ทวิวรรคหนึ่ง,38,55,72ทวิวรรคสอง,74,78วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ฐานร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในที่ชุมชน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น อันเป็นบทลงโทษหนักสุด จำคุก 20 ปี ฐานร่วมกันมีเครื่องยิงจรวดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี และความผิดตาม พ.ร.บ.ปืนฯ พ.ศ.2490 ฐานพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะ จำคุก 1ปี รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 38 ปี และให้ริบของกลาง


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

ประกบยิงเศรษฐีนียางรถยนต์เพชรบูรณ์ ดับคาเก๋งป้ายแดง

ประกบยิงเศรษฐีนียางรถยนต์เพชรบูรณ์ ดับคาเก๋งป้ายแดง
 
เพชรบูรณ์ 13 ธ.ค. - เศรษฐีนีร้อยล้าน เจ้าของกิจการจำหน่ายยางรถยนต์รายใหญ่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ถูกคนร้ายประกบยิงเสียชีวิต

พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรเมืองเพชรบูรณ์ และตำรวจวิทยาการ เข้าตรวจสอบศพนางชมพิชชา ศรีกุลศศิธร อายุ 53 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายยางรถยนต์รายใหญ่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ หลังถูกคนร้ายประกบยิงเสียชีวิตภายในรถยนต์ป้ายแดง ทะเบียน ก-0074 เพชรบูรณ์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนเมืองเพชรบูรณ์ ถนนสามัคคีชัย-หล่มสัก เขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ห่างจากบ้านของผู้ตายประมาณ 30 เมตร

จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายเป็นชาย 2 คน ใส่ชุดสีดำ ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซีบีอาร์ สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ประกบรถผู้ตาย ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด .38 กระหน่ำยิงผ่านกระจก 3 นัด กระสุนเข้าเหนือคิ้วขวา 1 นัด ส่วนสาเหตุตำรวจสันนิษฐานไว้ทั้งประเด็นชู้สาว เรื่องส่วนตัว และความขัดแย้งทางธุรกิจ. - สำนักข่าวไทย

ข้อมูลจาก :

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เฉลิมแถลงรวบยาบ้า3.7แสนเม็ดไอซ์กว่า50กก.‏

เฉลิมแถลงรวบยาบ้า3.7แสนเม็ดไอซ์กว่า50กก.‏
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พร้อมผบ.ตร. แถลงรวบแก๊งยาเสพติดรายใหญ่ย่านบางแค หลังรวบตัวกลางห้างโลตัส บางแค พร้อมยึดขงกลางยาบ้ากว่า3,7แสนเม็ด ยาไอซ์อีกกว่า 50 ก.ก.


     เวลา 15.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รักษาการ เลขาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส. และพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.ร่วมกันแถลงข่าว พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน ผบก.ปส.3 บช.ปส.พร้อมพวกจับกุมนายกฤษฎา หรือปีโป้ ไกรหอม อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 2/14 หมู่ 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค นายสุรพงษ์ หรือเอ โตพาณิชสกุลอายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 55/23 ถ.นครลุง แขวงบางไผ่ เขตบางแค และนายวรรณรัตย์ หรือเบิร์ด พุ่มอ่ำ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 51/5 หมู่ 1 ต.สวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางยาไอซ์ 57.5 กิโลกรัม ยาบ้า 370,050 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีน้ำตาล ทะเบียน ญน -5007 กทม. รถยนต์แวน ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน ฎธ – 1661กทม. รถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน รุ่น FAIRLADY ทะเบียน ฎฮ – 7915 กทม. รถจยย.ยามาฮ่า ทะเบียน ฬปม – 334 กทม. กระเป๋าเดินทาง 7 ใบ เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล 1 เครื่องอาวุธปืน 1 กระบอก โทรศัพท์มือ 5 เครื่อง

     เหตุเกิดและจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าเทสโก้โล ตัส สาขาบางแค แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค จากการสืบสวนทราบว่า นายกฤษฎา หรือ ปีโป้ ผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันค้ายาเสพติดในย่านตลาดบางแค และนัดส่งมอบยาเสพติดภายในบริเวณห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาบางแค จึงได้จัดชุดสืบสวนเข้าจับกุมได้ผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า และยาไอซ์ และตรวจค้นยาเสพติดเพิ่มเติมจากห้องพักอาคารบางแคคอนโดทาวน์ เขตบางแค และตึกแถว ซอยเอกชัย 44/1 เขตบางบอน

     ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.บูรณาการการข่าว และกำลัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รักษาการ เลขาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส. จับกุมยาเสพติด ซึ่งตนเองเป็นคนฝั่งธนบุรีเห็นว่าการจับกุมยเสพติดรายนี้ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ มีการจับกุมได้ยาไอซ์ 4 กิโลกรัม ยาบ้า 3.7 แสนเม็ด ในช่วง 2 วัน ผบ.ตร.จับุมยาบ้า 2 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 100 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลงานของรัฐบาลชื่นชม อยากฝากผู้ค้ายาเสพติดตำรวจและรัฐบาลไม่อยากจับท่าน ถ้าฝ่าฝืนตำรวจรู้เบาะแสหมดแล้ว ไม่มีทางเล็ดลอดไปได้ แต่ที่เล็ดลอดไปได้บางส่วนจับกุมจะถูกยึดทรัพย์ ซึ่งทรัพย์ที่ได้จากการกระทำชั่ว ทรัพย์ที่ได้มาจากการสร้างความหายนะให้กับประเทศชาติ ทำลายทรัพยากรบุคคล เยาวชนอนาคตของของชาติ พวกคุณไม่มีโอกาสที่จะเอาเงินเลวเหล่านี้ไปใช้บำรุงบำเรอความสุขได้ คณะ ผบ.ตร.ไม่อยากจับเลย อยากให้พวกคนที่คิดเลวคิดร้าย ได้กลับตัวกลับใจและเลิกค้ายาเสพติด กลับมาทำงานเล็ก ๆ ที่เป็นงานสุจริต จะปลอดภัยไม่ถูกจับกุม ไม่ถูกยึดทรัพย์ รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอาจริงเอาจรังการปราบปรามยาเสพติด ทำงานเป็นทีม จับกุมได้ขยายผล และยึดทรัพย์ หากมีการนำทรัพย์ไปฝากไว้กับคนอื่นใช้มาตรการนุ่มนวลเรียบร้อยเด็ดขาด

     ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หลังปีใหม่ ผบ.ตร.และคณะฯ จะกวาดล้างยาเสพติดครั้งใหญ่ ทั้งภาคเหนือ และภาคอิสาน ขณะนี้ สตช.และสำนักงาน ป.ป.ส.ทำงานร่วมกันแลกเปลี่ยนข่าวสาร และอธิบดีกรมราชฑัณฑ์เป็นตำรวจเก่ารู้เบาะแสต้องจี้ปล่อยให้ลอยนวลต่อไปไม่ ได้ พี่น้องประชาชนสุจริตชนไว้วางใจได้ตำรวจภายใต้ ผบ.ตร.จะกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดต่อเนื่อง ไม่มีเกรงกลัวหรือหวั่นเกรงอิทธิพล เพราะตำรวจตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนภาษีอากรของพี่น้องประชาชน ไอ้พวกแก๊งอุบาทที่ค้ายา ยังแหลมมาถูกจับอีก เลิกซะ ไม่อยากจับ แต่ไม่ใช้ขนมาไม่จับไม่ทีทางผ่านด่านชุดนี้ได้ รัฐบาลที่แล้วพยายามทำ แต่วิธีทำไม่เหมือนรัฐบาลชุดนี้ เขาเขียน 2,500 เขียนไว้ทำไม จะล้อเรื่องฆ่าติดตอน ไม่มีฆ่าตัดตอน รัฐบาลชุดที่แล้วชุดนี้เรื่องปราบยาเสพติดคนละชั้น ชั้นฟลอร์ชั้นท็อป รัฐบาลที่แล้วเพิ่มโทษผู้ค้าประหารชีวิตแล้วจะเพิ่มอะไร หรือยิงเป้าสองที ใครคิดค้าขายติดคุกต่อไป ใครตั้งหลักเลิกได้ถือว่าเป็นบุญ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวย้ำ


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

เฉลิมลั่นจัดการเว็ปหมิ่นสถาบัน‏

เฉลิมลั่นจัดการเว็ปหมิ่นสถาบัน‏
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เผยเตรียมจัดการเว็ปไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบัน
     ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีหมิ่นสถาบัน โดยมี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รักษาการ เลขาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เข้าร่วมประชุม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กรณีเว็ปไซด์หมิ่นสถาบัน หลายรัฐบาลทำมาอ้างว่าสัญญาณมาจากเมืองนอก เจ้าของเว็ปไซด์เมืองไทยอ้างว่าตัดไม่ได้ ต้องปล่อยต่อใครพูดอย่างนี้โกหก สัญญาณมาจากเมืองนอกห้ามไม่ได้จริง แต่เมื่อคุณรู้ว่าไม่เหมาะสม คุณสามารถเอาออกได้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้รัฐบาลมอบหมายตนเอง และได้มอบหมาย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. งานนี้ไม่ประชุมบ่อยจะปฏิบัติการทันที เพราะมีตำรวจยศ พ.ต.อ. มีความรู้ความเข้าใจบอกว่าถ้าซื้อเครื่องมือชิ้นหนึ่งองค์ประกอบของเครื่อง มือชิ้นนี้ตัดสัญญาณเวฟไซด์เมืองนอกได้ แต่ใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท ได้แจงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรมว.ไอซีที ให้กระทรวงไอซีทีตั้งเรื่องงบประมาณจัดซื้อเครื่องมือชิ้นนี้ เพราะผมและผบ.ตร.ไม่ปรารถนาเป็นฝายเริ่มซื้อ เดี่ยวตำหนิตั้งศูนย์นี้เพือจัดซื้อเครื่องมือหาค่าคอมมิชชั่น แต่ตำรวจทำงานให้

     ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า จากนี้ไปจะมีมากน้อยต่อไปไม่แน่ แต่ต้องน้อยกว่าเดิม มีมาตรการเข้มข้อมูล และเว็ปไซด์ที่มีข้อความไม่บังควร ไม่ให้เผยแพร่ ถ้าได้เครื่องมือที่ตัดสัญญาณได้ ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ทำไม่ได้ เว้นแต่จะทำจริงหรือไม่ ปัญหามีไว้ในแก้ ไม่ได้ไว้ในกลุ้ม มีคนพูดมาก ทำเรื่องนี้มีปัญหาเรื่องเอ็นจีโอหรือสหประชาชาติ ที่นี้เมืองไทย ผมเป็นรองนายกฯประเทศไทย และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็น ผบ.ตร.ประเทศไทย ไม่กลัวเรื่องละเมิดสิทธิ อะไรที่แสดงออกบนพื้นฐานความถูกต้องชอบธรรมทำได้

     ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.จะมีการกำหนดผู้ที่รับผิดชอบ ผู้ใหญ่มาประชุมก่อนเพื่อจะได้บอกลูกน้อง มีกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ทุกคนรู้หมดแล้ว แต่ไม่กล้า ที่ผ่านมาเกรงใจ ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็ก แต่ตั้งผมแล้วไม่ค่อยกลัว เป็นกลุ่มในประเทศ เวฟไซด์ในต่างประเทศทำไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าของเว็ปไซด์จะอ้างไม่รู้อ้างไม่ได้ จะต้องรับรู้รับทราบ มาจากประเทศไม่ว่ามาถึงเมืองไทยบล็อคได้ต้องบล็อค ผู้สื่อข่าวว่า มีหลายเวฟไซด์พัวพันกลุ่มคนเสื้อแดง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ว่ามีสีเสื้อ เสื้อสีไหนไม่มี ทำผิดจับหมด ไม่บอกสีไหนทำผิดจับหมด ขอยืนยันคณะกรรมการฯชุดนี้ตั้งใจทำงาน ไม่กลั่นแกล้งใคร จะยึดหลักกฏหมาย ผมและ ผบ.ตร.ไม่ใช้คนตกใจง่าย เดี่ยวมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพสิทธิมนุษยชน คุณต้องทำตามกฏหมายไทย ไม่ทำกฏหมายไทยไปอยู่ประเทศอื่น ถ้าอยู่ที่นี้ต้องอยู่ภายใต้กฏหมายไทย


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

ผบ.ตร.เผยคดียิงหัวคะแนนอี้-แทนคุณคืบ ยังไม่ระบุปมฆ่า

ผบ.ตร.เผยคดียิงหัวคะแนนอี้-แทนคุณคืบ ยังไม่ระบุปมฆ่า
ผบ.ตร.เผยคดียิงหัวคะแนนนายแทนคุณ จิตอิสระ ผู้สมัครส.ส.พรคคประชาธิปัตย์ เขตดอนเมือง มีความคืบหน้าไปมาก ชี้ยังไม่ระบุปมการสังหาร ตร.มุ่งปมขัดแย้งส่วนตัว,ธุรกิจ
     ที่ห้องประชุม บก.น.2 เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เรียก พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รอง ผบก.น.2พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.ดอนเมือง ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.2 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ประชุมเร่งรัดคดีคนร้ายบุกยิง นายชุติเดช สุวรรณเกิด อายุ 38 ปี หัวคะแนน นายแทนคุณ จิตต์อิสระ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตดอนเมือง เสียชีวิตที่ลานจอดรถตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง เมื่อเย็นวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง

​     จากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เรียก ผบช.น. และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประชุมเร่งรัดคดีมือยิงนายชุติเดชและติดตามความคืบ หน้า โดยขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ชุดสืบสวนทำงานเร็ว ได้ข้อมูลต่างๆ เร็วมาก ส่วนประเด็นสังหารยังไม่สรุปว่าเป็นเรื่องใดเพราะยังเร็วเกินไป แต่จะให้น้ำหนักไปในเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวมากกว่า คือเรื่องเกี่ยวกับการเช่าพระเครื่อง แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องการเมืองทิ้ง แต่จะเน้นเรื่องส่วนตัว เพราะผู้ตายมีแผงเช่าพระและเป็นคนกว้างขวาง และเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกับคู่กรณีคนหนึ่งเกี่ยวกับการเช่าพระ จนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันมาแล้ว เหตุเกิดในท้องที่สน.ประชาชื่น เมื่อปี 53 แต่ตอนนี้จะยังไม่เรียกคู่กรณีคนดังกล่าวมาสอบปากคำ เนื่องจากยังเร็วเกินไปต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนกว่านี้ก่อนว่ามี ส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

​     ผบ.ตร. กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดกำลังตรวจสอบอยู่ว่าสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้หรือไม่ และคนร้ายหลบหนีไปทางไหน สำหรับคนร้ายเป็นผู้ชำนาญและมีการวางแผนมาเป็นอย่างดีก่อนลงมือ แต่เราก็มีพยานเห็นเหตุการณ์อยู่ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรอสอบปากคำพยานเหล่านี้ และพยานคนอื่นๆ ที่ยังเหลืออยู่

     ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะโยงคดีไปที่เรื่องการเมืองของ 2พรรคการเมืองหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่อยากให้โยงไปที่เรื่องการเมือง แต่จะให้น้ำหนักไปที่เรื่องส่วนตัวมากกว่า ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อน ส่วนที่นายแทนคุณระบุว่า ผู้ตายเป็น 1 ใน5 คนที่ถูกขึ้นบัญชีดำสังหารไว้นั้น คิดว่าเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของนายแทนคุณมากกว่า ซึ่งไม่น่าจะมีอะไร

​     ด้าน พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 กล่าวด้วยว่า สำหรับที่มีการระบุว่าผู้ตายคุยโทรศัพท์และเหมือนมีการทะเลาะกันทางโทรศัพท์ ก่อนถูกยิงเสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวคนที่คุยโทรศัพท์กับผู้ตายมาสอบปากคำ แล้ว เบื้องต้นพบว่าเป็นการพูดคุยกันเกี่ยวกับธุรกิจรถบรรทุก โดยไม่มีการทะเลาะกันแต่อย่างใด ซึ่งประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้นำไปเชื่อมโยงกับการตาย แต่ก็ยังไม่ตัดเรื่องนี้ทิ้ง และอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อย้อนดูเหตุการณ์ก่อนและหลังเกิดเหตุ โดยทีม บก.สส.บช.น. จะรับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นก็ยังไม่พบภาพที่เกี่ยวข้องกับคนร้าย

​     รอง ผบก.น.2 กล่าวต่อว่า สำหรับนายทหารที่มีเรื่องกับผู้ตายก่อนหน้านี้ จะเป็นสาเหตุให้ถึงขั้นต้องมีการลงมือสังหารกันหรือไม่ ก็จะต้องเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร และไม่ได้เน้นไปที่นายทหารคนนี้เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะเป็นใครหรือมีข้อมูลอะไรก็ตามที่เชื่อมโยงกันก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด รวมทั้งนายการุณและนายแทนคุณก็มีการสอบปากคำและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันไปแล้ว ซึ่งพอได้ข้อมูลต่างๆมา ก็จะทำการคัดแยกว่าประเด็นอะไรที่เป็นไปได้ถึงขั้นต้องมีการลงมือสังหารกัน ก็ต้องสอบในประเด็นนั้นเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่าหากผู้ตายเสียชีวิตแล้วใครจะได้รับผลประโยชน์ ส่วนประเด็นเรื่องพระเครื่องก็ต้องหาความเชื่อโยงตั้งแต่เกิดเหตุคนร้ายปา ระเบิดปิงปองใส่แผงพระเครื่องผู้ตายมาจนถึงขณะนี้ ว่าเป็นความขัดแย้งที่ต่อเนื่องกันมาหรือไม่ หรือเป็นประเด็นใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น สำหรับกรณีที่ผู้ตายมีปัญหาช่วงน้ำท่วมกับนายการุณนั้นกำลังหาข้อมูลอยู่ แต่จากข้อมูลที่ได้ยังไม่เชื่อมโยงไปถึงประเด็นนั้น นอกจากนี้จะมีการนำกำลังตำรวจไปคุ้มกันนายแทนคุณหรือไม่ ขณะนี้นายแทนคุณยังไม่มีการร้องขอเข้ามา หากร้องขอก็จะส่งกำลังไปดูแลความปลอดภัยให้ทันที

​     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่นายชุติเดชถูกยิง และที่แผงเช่าพระของนายชุติเดชก่อนเดินทางกลับ โดยให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.กลับมาประชุมวางแผนการดำเนินงานต่อที่ บก.น.2 อีกครั้ง

​     ต่อมา พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า หลังประชุมเสร็จก็ได้มอบหมายให้ลูกน้องแบ่งหน้าที่กันไปทำงาน โดยทีม บก.สส.บช.น.รับผิดชอบเรื่องการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี ซึ่งตอนนี้ก็เร่งหากล้องอยู่แต่พอดีเป็นวันหยุดยาวจึงยังทำอะไรไม่ได้มาก คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะมีความคืบหน้ามากว่านี้


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

ตร.จ่อเรียก"ต่าย สายธาร"พร้อมแฟนหนุ่มฟังคำสั่งฟ้อง

ตร.จ่อเรียก"ต่าย สายธาร"พร้อมแฟนหนุ่มฟังคำสั่งฟ้อง
ตร.สน.วังทองหลาง เผยเตรียมเรียกอดีตดาราสาว ต่าย สายธาร และแฟนหนุ่มเข้าฟังคำสั่งฟ้องคดีแหลังจนท.สืบพยานหลักฐานครบ
     พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีของน.ส.สายธาร นิยมการณ์ หรือต่าย อายุ 35 ปี อดีตดาราสาวได้โพสต์ภาพตัวเองลงใน Facebook "Saitharn Niyomkarn" ในสภาพมีบาดแผลเต็มตัว และมีรอยช้ำเต็มใบหน้า เข้าแจ้งความกับตำรวจสน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่าถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมา 3 เดือน คือนายรัฐพล จุลเปมะ หรือ ไนท์ อายุ 35 ปี ทำร้ายร่างกายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำอย่างละเอียดแล้ว โดยได้ส่งตัวต่าย สายธารไปตรวจร่างกายใช้เวลาประมาณ 7 วัน ถึงจะทราบผล

     ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวต่อว่า ส่วนฝ่ายชายได้มีการแจ้งความกลับในอีกวัน โดยกล่าวหาว่า ต่าย สายธาร บุกรุกเข้าไปในบ้านเช่นกัน ซึ่งเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำไว้เรียบร้อยแล้ว และมีการรวบรวมพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายพอสมควรแล้วนั้น เหลือเพียงเรียกทั้งสองฝ่ายมารับฟังพร้อมกัน ซึ่งขึ้นอยู่ที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะพร้อมนัดวันเวลามาให้มาตรงกันเมื่อใด ถ้ามาพบแล้ว พยานหลักฐานระบุว่ามีการทำร้ายร่างกายกันจริง ซึ่งต้องเป็นกระบวนการไปฟ้องร้องกันต่อในศาลตามกฎหมายต่อไป


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :

กองปราบร่วมคลี่คลายคดียิงหัวคะแนนอี้-แทนคุณ

กองปราบร่วมคลี่คลายคดียิงหัวคะแนนอี้-แทนคุณ
ผบก.ป.สั่งการชุดร่วมคลี่คลายคดียิงหัวคะแนน นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เบื้องต้นมุ่งปม การเมือง เรื่องส่วนตัว
     ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป.นำกำลังชุดสืบสวนเข้าร่วมคลี่คลายคดีคนร้ายซึ่งใช้จักรยานยนต์เป็น พาหนะ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจ่อยิง 4 นัด ใส่ร่างนายชุติเดช สุวรรณกิจ อายุ 38 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ก.เขตดอนเมือง และหัวคะแนนคนสำคัญของนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เหตุเกิดที่บริเวณหลังตลาดโกสุมรวมใจ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ก่อนที่นายชุติเดช จะไปเสียชีวิตที่ รพ.มกุฎวัฒนะ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาความขัดแย้งการเมือง หรือปัญหาส่วนตัว ซึ่งทาง กก.1 บก.ป.จะแบ่งหน้าที่กันออกสืบสวนติดตามคนร้าย โดยแยกกันดำเนินการและไม่ซ้ำซ้อนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดำเนินการอยู่แล้ว

     พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ขณะนี้ได้วางแนวทางการสืบสวนโดยมุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งทางการเมือง โดยจะตรวจสอบในส่วนของเรื่องเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุและใช้หลบหนี ในส่วนของพยานแวดล้อม ความเชื่อมโยงของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนถึงประเด็น ที่เป็นสาเหตุการสังหาร เจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบจะแบ่งหน้าที่กันดำเนินการ และเนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ทาง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.และผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้ความสนใจจึงกำชับให้เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็ว ซึ่งชุดสืบสวนก็ไม่ได้มีความกดดันในการทำงานแต่อย่างใด

     ผบก.ป.กล่าวถึงประเด็นเรื่องกลุ่มมือปืนที่มีกระแสข่าวระบุว่า ได้รับงานสังหารนายชุติเดช ในครั้งนี้ ว่า ในส่วนของการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนซุ้มต่างๆ นั้น มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว หากมีความคืบหน้าใดๆ ก็จะรายงานผู้บังคับบัญชาทราบทันที แต่ขณะนี้คงต้องขอเวลาในการทำงานเสียก่อน


ทีมข่าวอาชญากรรม

รายงาน

ข้อมูลจาก :